บอกลารอยตีนกาและริ้วรอย คืนความเต่งตึงให้ดวงตาของคุณ
พออายุย่างเข้าเลข 3 แขกไม่รับเชิญก็มาเยือน ไม่ว่าจะเป็น ริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น โดยเฉพาะที่สังเกตได้ชัดที่สุดคือรอยตีนกา และริ้วรอยรอบๆ ดวงตา ริ้วรอยต่างๆ เหล่านี้ล้วนทำให้ดูเป็นคนมีอายุ ทำให้เราหมดความมั่นใจไปได้เลยทีเดียว นอกจากริ้วรอยแล้ว ในบางคนอาจมีปัญหาอื่นร่วมด้วย เช่น มีถุงใต้ตา ใต้ตาคล้ำ และหน้าตาตก เป็นต้น ดังนั้นศัลยกรรมดึงหน้า หรือตกแต่งตาจึงเป็นอีกหนึ่งประเภทที่ได้รับความนิยมมากขึ้นจากแต่ก่อน
สาเหตุการเกิดริ้วรอยรอบดวงตา
สาเหตุต่างการเกิดริ้วรอยรอบดวงตา นอกจากอายุที่เป็นปัจจัยที่เราไม่สามารถควบคุมได้แล้ว อีกสาเหตุหนึ่งก็คือภาวะจากแสงแดดที่เราต้องเผชิญในแต่ละวัน รวมไปถึงการสูบบุหรี่ ทั้งสองสาเหตุนี้ล้วนทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่นรอบดวงตาเร็วมากกว่าปกติ ส่วนรอยคล้ำใต้ตานั้นมีหลายสาเหตุ บางคนอาจเป็นเพราะกรรมพันธุ์ หรือบางคนอาจเกิดจากเป็นโรคภูมิแพ้ รวมไปถึงการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ โดยปกติคนทั่วไปควรพักผ่อน 6-9 ชั่วโมง/วัน
ถุงใต้ตา เกิดจากผนังตาที่อ่อนแรง ทำให้ไขมันนูนออกมา การแก้ไขแพทย์จะทำการผ่าตัดไขมันบริเวณใต้ตาออก ปัญหาเรื่องของรอบดวงตาหย่อนคล้อย เหี่ยวย่น สาเหตุหลักมาจาก เมื่ออายุมากขึ้นการสร้างคอลลาเจนของร่างกายก็ลดลงทำให้ผิวที่เคยเต่งตึงเริ่มหย่อนคล้อย จะเห็นชัดมากในช่วงอายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป
เมื่อรู้สาเหตุกันแล้ว ดังนั้นเราจึงควรดูแลดวงตาของเรากันตั้งแต่วันนี้เลยนะคะ เราสามารถทำได้โดยการเริ่มต้นจากดูแลสุขภาพร่างกายของเราให้แข็งแรง การรับประทานอาหารก็ควรเลือกอาหารที่คุณค่าและประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอและนอนหลับให้เป็นเวลา และที่สำคัญการเลือกรับประทานอาหารเสริมบำรุงก็เป็นตัวช่วยที่ดีอีกทางเลือกหนึ่งค่ะ
ฉีดโบท็อกซ์บอกลาลดริ้วรอยรอบดวงตา
การฉีดโบท็อกก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่คนไข้ส่วนใหญ่นิยมทำ เพราะมีความปลอดภัยสูง โดยทั่วไปจะฉีดทุก 3 เดือน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด นอกจากการฉีดสารโบท็อกซ์แล้วควรบำรุงรอบๆ ดวงตาด้วยการทาครีมเพื่อช่วยกระชับผิวและลดริ้วรอย
การผ่าตัดถุงใต้ตา จะเป็นการเจาะเพื่อดูดเอาไขมันใต้ตาออก ขั้นตอนการผ่าตัดทำได้ง่ายและปลอดภัย หลังจากผ่าตัดถุงใต้ตาแล้วอาจจะอาการรอบดวงตาบวมและช้ำบ้างเล็กน้อย และห้ามใส่คอนแทคเลนส์ 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด และที่สำคัญหลังก่ารผ่าตัดถุงใต้ตาควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่จะกระทบกระเทือนบาดแผล
อ่านบทความที่คุณอาจสนใจ รู้ลึก รู้จริง เรื่องโบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum toxin)